กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า
ความเป็นมา
กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า มีที่มาจากกวีนิพนธ์ Elegy Written in a Country ของ ทอมัส เกรย์ (Thomas Gray) กวีชาวอังกฤษ ซึ่งประพันธ์หลังจากญาติและเพื่อนของผู้ประพันธ์เสียชีวิตลงในเวลาใกล้เคียงกัน
พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) เป็นผู้ประพันธ์กลอนดอกสร้อรำพึงในป่าช้าจากต้นฉบับแปลของเสฐียรโกเศศ ก่อนที่จะขึ้นกลอนดอกสร้อยจะมีบทกถามุขหรือบทนำเรื่อง ซึ่งนาคะประทีปเป็นผู้เรียบเรียงไว้ ซึ่งก่อนเข้าสู่เนื้อเรื่องผู้ประพันธ์ได้ระบุข้อความที่เกี่ยวกับการแปลเรื่องนี้ไว้ว่า"จากภาษาอังกฤษที่ท่านเสฐียรโกเศศให้ข้าพเจ้าได้แต่งดัดแปลงให้เข้ากับธรรมเนียมไทยบ้าง"ดังบทประพันธ์นี้
๐ซากเอ๋ยซากศพ อาจเป็นซากนักรบผู้กล้าหาญ
เช่นชาวบ้านบางระจันขันรำบาญ กับหมู่ม่านประทุษอยุธยา
ไม่เช่นนั้นท่านกวีเช่นศรีปราชญ์ นอนอนาถเล่ห์ใบ้ไร้ภาษา
หรือผู้กู้บ้านเมืองเรืองปัญญา อาจจะมานอนจมถมดินเอย
จากคำประพันธ์ตัวอย่างข้างต้น จะเห็นว่ามีการดัดแปลงโดยกล่าวถึงชาวบ้านบาลระจันเหล่าผู้กล้าของไทยเมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ และศรีปราชญ์ กวีของไทยในสมัยอยุธยาเป็นการดัดแปลงเนื้อความบางส่วนให้เข้ากับธรรมเนียมของไทย เป็นลักษณะเด่นของวรรณคดีไทยในสมัยรัขกาลที่ ๖ จนถึงรัชกาลที่ ๗
ประวัติผู้แต่ง
พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ)
พระยาอุปกิตศิลปสาร ชื่อเดิม นิ่ม กาญจราชีวะ เกิดเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๔๒๒ ได้รับการศึกษาชั้นต้นจากวัดบางประทุนนอกและที่วัดประยุรวงศาวาส ต่อมาได้บวชเป็นสามเณรและเป็นพระภิกษุที่วัดสุทัศนเทพวราราม
พระยาอุปกิตศิลปสารเริ่มเข้ารับราชการ โดยทำงานเป็นครูฝึกสอนที่โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์สายสวลีสัณฐาคาร ฝ่ายสอนหนังสือที่โรงเรียนสวนกุลาบและโรงเรียนฝึกหัดอาจารย์บ้านสมเด็จเจ้าพระยา
ผลงานสำคัญทางภาษาและวรรณคดีไทย ได้แก่ สยามไวยากรณ์ เป็นตำราไวยากรณ์ไทยมี ๔ เล่ม ได้แก่ อักขรวิธี วจีวิภาค วากยสัมพันธ์และฉันทลักษณ์